เก็งข้อสอบวิชาพุทธประวัติ นักธรรมชั้นตรี - [พระเณร]
๑. |
พุทธประวัติคืออะไร ? มีความสำคัญอย่างไรจึงต้องเรียนรู้ ? พุทธประวัติ คือ เรื่องที่พรรณนาความเป็นไปของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ฯ มีความสำคัญในการศึกษาและปฏิบัติพระพุทธศาสนา เพราะแสดงพระพุทธจริยาให้ปรากฏ ฯ |
๒. |
การเรียนรู้พุทธประวัติได้ประโยชน์อย่างไร ? ในด้านการศึกษา ทำให้ทราบความเป็นมาของพระพุทธเจ้า เช่นเดียวกับการศึกษาตำนานความเป็นมาของชาติตน ทำให้บุคคลได้ทราบว่าชาติของตนเป็นมาอย่างไร มีความสำคัญอย่างไรเป็นตน ฯ ในด้านปฏิบัติ ทำให้บุคคลได้แนวในการดำเนินชีวิตตามพระพุทธจริยา อันเป็นปฏิปทานำความสุข ความเจริญมาให้แก่บุคคล ตามสมควรแก่การประพฤติปฏิบัติ ฯ |
๑. |
วรรณะทั้ง ๔ มีหน้าที่ต่างกันอย่างไร ? มีหน้าที่ต่างกันอย่างนี้ ๑) กษัตริย์ มีหน้าที่รักษาบ้านเมือง ๒) พราหมณ์ มีหน้าที่ฝึกสอนและทำพิธี ๓) แพศย์ มีหน้าที่ทำนาค้าขาย ๔) ศูทร มีหน้าที่รับจ้างใช้แรงงาน ฯ |
๒. |
ชมพูทวีปแบ่งเป็น ๒ ส่วนใหญ่ ๆ คืออะไรบ้าง ? คือ มัชฌิมชนบท และปัจจันตชนบท ฯ |
๓. |
ประชาชนในชมพูทวีป มีกี่จำพวก ? จำพวกไหนบ้าง ? มี ๒ จำพวก ฯ คือ ๑) มิลกัขะ เจ้าของถิ่นเดิม ๒) อริยกะ พวกอพยพมาใหม่ ฯ (หรือจะตอบว่า มี ๔ จำพวก หรือวรรณะ ๔ ก็ได้) |
๔. |
ศากยวงศ์สืบเชื้อสายมาจากชนชาติใด ? ชนชาตินั้นมาตั้งถิ่นฐานในชมพูทวีปได้อย่างไร ? สืบเชื้อสายมาจากชนชาติอริยกะ ฯ ชาวอริยกะนั้นเป็นผู้เจริญด้วยความรู้และขนมธรรมเนียม มีอำนาจมากกว่าพวกมิลักขะเจ้าของถิ่นเดิม เมื่อข้ามภูเขาหิมาลัยมาก็รุกไล่พวกมิลักขะเจ้าของถิ่นเดิมให้ถ้อยร่นลงมาทางใต้ แล้วเข้าตั้งถิ่นฐานในชมพูทวีปแทน ฯ |
๕. |
คนในชมพูทวีปแบ่งเป็นกี่วรรณะ ? อะไรบ้าง ? พระพุทธบิดาอยู่ในวรรณะอะไร ? แบ่งเป็น ๔ วรรณะ ฯ คือ วรรณะกษัตริย์ วรรณะพราหมณ์ วรรณะแพศย์ วรรณะศูทร ฯ พระพุทธบิดาอยู่ใน วรรณะกษตัริย์ ฯ |
๑. |
พระพุทธบิดาทรงมีพระนามว่าอะไร ? ทรงปกครองแคว้นอะไร ? เมืองหลวงชื่ออะไร ? พระนามว่า พระเจ้าสุทโธทนะ ฯ ทรงปกครอง แคว้นสกักะ ฯ เมืองหลวง ชื่อกบิลพัสดุ์ ฯ |
๑. |
พระนามและนามต่อไปนี้ เกี่ยวข้องกับเจ้าชายสิทธัตถะอย่างไร ? ๑) มหาปชาบดีโคตมี ๒) อสิตดาบส (กาฬเทวิลดาบส) ๑) มหาปชาบดีโคตมี เป็นพระมาตุจฉา คือ พระน้านางของเจ้าชายสิทธัตถะ ๒) อสิตดาบส (กาฬเทวิลดาบส) คือ ดาบสผู้เป็นที่คุ้นเคยของราชสกุล ได้เข้าเฝ้าพระเจ้าสุทโธทนะ เมื่อเจ้าชายสิทธตัถะประสูติใหม่ ๆ และพยากรณ์ว่า พระราชกุมารจะได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิราช หรือศาสดาเอกในโลก ฯ |
๒. |
บุคคลต่อไปนี้เกี่ยวข้องกับพระมหาบุรุษในฐานะใด ? ก. พระเจ้าสีหหนุ ข. พระนางมหาปชาบดีโคตมี ค. พระนางยโสธรา ฆ. นายฉันทะ ง. นางสุชาดา ก. พระเจ้าสีหหนุ เป็นพระเจ้าปู่ ข. พระนางมหาปชาบดีโคตมี เป็นพระน้านางหรือพระมารดาเลี้ยง ค. พระนางยโสธร เป็นพระชายา ฆ. นายฉันทะ เป็นผู้ตามเสด็จคราวเสด็จออกบรรพชา ง. นางสุชาดา เป็นผถู้วายข้าวมธุปายาสก่อนแต่ตรัสรู้ ฯ |
๓. |
พระมหาบุรุษประสูติที่ไหน ? เมื่อไร ? ลุมพินีวัน ระหว่างกรุงกบิลพัสดุ์ กับกรุงเทวทหะ ฯ วันเพ็ญ เดือน ๖ ก่อนพุทธศก ๘๐ ปี ฯ |
๔. |
อสิตดาบสกล่าวทำนายพระมหาบุรุษไว้ว่าอย่างไร ? ว่า มีคติเป็น ๒ คือ ๑) ถ้าอยู่ครองฆราวาส จักได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ ๒) ถ้าออกบวช จักได้ตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ฯ |
๕. |
อสิตดาบส อาฬารดาบส และอุทกดาบส มีความเกี่ยวข้องกับพระมหาบุรุษอย่างไร ? อสิตดาบส เป็นผู้คุ้นเคยเป็นที่เคารพนับถือของศากยสกุล ในเวลาที่พระมหาบุรุษประสูติใหม่ๆ ท่านได้ไปเยี่ยม และได้พยากรณ์ทำนายพระลักษณะของพระมหาบุรุษ ว่ามีคติเป็น ๒ ก่อนคนอื่นทั้งหมด อาฬารดาบสและอุทกดาบส เป็นผู้ที่พระองคได้เคยอยู่อาศัยศึกษาลัทธิของท่านทั้ง ๒ ฯ |
๖. |
เมื่อเจ้าชายสิทธัตถะประสูติได้ ๕ วัน พระราชบิดาโปรดให้ทำอะไรเพื่อพระราชกุมารบ้าง ? โปรดให้ชุมนุมพระญาติวงศ์และเสนามาตย์พร้อมกับเชิญพราหมณ์ ๑๐๘ คนมาฉันโภชนาหาร แล้วทำ มงคลรับพระลักษณะและขนานพระนามว่า สิทธัตถกุมาร ฯ |
๗. |
เมื่อพระมหาบุรุษมีพระชนมายุได้ ๗ ปี ๑๖ ปี ๒๙ ปีมีเหตุการณ์สำคัญเกิดแก่พระองค์อะไรบ้าง ? เมื่อพระชนมายุได้ ๗ ปี พระราชบิดาตรัสสั่งให้ขุดสระโบกขรณี ๓ สระ ในพระราชวัง ให้เป็นที่เล่นสำ ราญแก่พระองค์ เมื่อพระชนมายุได้ ๑๖ ปี พระราชบิดาตรัสสั่งให้สร้างปราสาท ๓ หลัง เพื่อเป็นที่เสด็จอยู่ใน ๓ ฤดู และตรัสขอพระนางยโสธรามาอภิเษกเป็นพระชายา เมื่อพระชนมายุได้ ๒๙ ปี ได้พระโอรสนามว่าพระราหุลกุมาร และเสด็จออกบรรพชา ฯ |
๘. |
ภายใน ๗ วัน หลังจากสิทธัตถะราชกุมารประสูติแล้ว มีเหตุการณ์สำคัญเกิดขึ้นแก่พระองค์อย่างไรบ้าง ? ๑) เมื่อประสูติแล้วใหม่ ๆ อสิตดาบส (หรือกาฬเทวลิดาบส) เข้าไปเฝ้าเยี่ยมและทำนายพระลักษณะ ๒) วันที่ ๕ พระเจ้าสุทโธทนะเชิญพราหมณ์ ๑๐๘ คน มาฉันโภชนาหารและขนานพระนามพระราชกุมารว่า สิทธัตถกุมาร ๓) วันที่ ๗ พระราชมารดาทิวงคต ฯ |
๙. |
อสิตดาบสได้ทำานายสิทธัตถกุมารไว้อย่างไร ? ทำนายไว้ว่าถ้าอยู่ครองสมบัติจักได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ ถ้าออกบวชจักได้เป็นศาสดาเอกในโลก ฯ |
๑. |
เจ้าชายสิทธัตถะทรงปรารภถึงอะไร จึงเสด็จออกบรรพชา ? และทรงบรรพชาได้กี่ปีจึงตรัสรู้ ? ทรงปรารภถึงความแก่ ความเจ็บ ความตาย และสมณะ ฯ ทรงบรรพชาได้ ๖ ปีจึงตรัสรู้ ฯ |
๒. |
เทวทูต ๔ ที่เจ้าชายสิทธัตถะทรงเห็นคืออะไรบ้าง ? ทรงเห็นแล้ว มีพระดำริอย่างไร ? เทวทูต ๔ คือ คนแก่ คนเจ็บ คนตาย และสมณะ ฯ ทรงมีพระดำริว่า บุคคลทั่วไปถูกความเจ็บ ความแก่ความตายครอบงำ ไม่ล่วงพ้นไปได้ถึงพระองค์เองก็มีอย่างนั้นเป็นธรรมดาควรแสวงหาอุบายเครื่องพ้น แต่ฆราวาสเป็นที่คับแคบดุจเป็นทางที่มาแห่งธุลีบรรพชาเป็นช่องว่าง พอที่จะแสวงหาอุบายนั้นได้ จึงน้อมพระหฤทัยไปในบรรพชา ฯ |
๓. |
พระพุทธเจ้าเสด็จออกบรรพชา ตรัสรู้และปรินิพพาน เมื่อมีพระชนมายุเท่าไรบ้าง ? เสด็จออกบรรพชา เมื่อมีพระชนมายุ ๒๙ ปี ตรัสรู้ เมื่อมีพระชนมายุ ๓๕ ปี ปรินิพพาน เมื่อมีพระชนมายุ ๘๐ ปี ฯ |
๑. |
พระมหาบุรุษเสด็จประทับบำเพ็ญเพียรจนถึงตรัสรู้ ณ ตำบลใด ? ณ ตำบลอุรุเวลาเสนานิคม ฯ |
๒. |
ทุกรกิริยา คืออะไร ? พระมหาบุรุษทรงบำเพ็ญทุกรกิริยาด้วยอาการอย่างไรบ้าง ? จงบอกมา ๑ ข้อ ทุกรกิริยา คือการทรมานกายให้ลำบาก ฯ พระพุทธเจ้าทรงบำเพ็ญทุกรกิริยา ๓ วาระ ๑) ทรงกดพระทนต์ด้วยพระทนต์ (กัดฟัน) กดพระตาลุดว้ยพระชิวหา (เอาลิ้นดุนเพดาน) ไว้จนแน่จนพระเสโท (เหงื่อ) ไหลออกจากพระกัจฉะ (รักแร้) ๒) ทรงผ่อนกลั้นลมหายใจเข้าออก ๓) ทรงอดพระกระยาหาร |
๓. |
พระมหาบุรุษทรงบำเพ็ญทุกรกิริยา ณ ที่ไหน ? ผู้ที่รู้เห็นเป็นพยานในเรื่องนี้คือใคร ? ณ ตำบลอุรุเวลาเสนานิคม แคว้นมคธ ฯ พยานคือ พระปัญจวัคคีย์ ฯ |
๔. |
ปัญจวัคคีย์ คือใคร ? มีความเกี่ยวข้องกับพระพุทธเจ้าขณะที่ยังทรงบำเพ็ญทุกรกิริยาอย่างไร ? ปัญจวัคคีย์ คือ นักบวชกลุ่มหนึ่ง มีทั้งหมด ๕ คน มีท่านโกณฑัญญะเป็นหัวหน้า ฯ ได้ตามเสด็จ คอยอุปัฏฐากรับใช้อยู่ตลอดเวลา ฯ |
๕. |
การที่พระมหาบุรุษทรงเลิกบำเพ็ญทุกรกิริยานั้น เพราะเหตุไร ? เพราะทรงดำริว่า ทุกรกิริยาที่ทรงบำเพ็ญนั้น จะยิ่งไปกว่านี้ไม่มี แต่ก็ไม่เป็นทางให้ตรัสรู้ได้ การบำเพ็ญเพียรทางจิตจักเป็นทางตรัสรู้ได้กระมัง แต่คนซูบผอมเช่นนี้ไม่สามารถทำได้จึงทรงเลิกบำเพ็ญทุกรกิริยา กลับมาเสวยพระอาหารตามปกติ ฯ |
๑. |
ปัญจวัคคีย์ ได้แก่ใครบ้าง ? ท่านเหล่านั้นอุปสมบทด้วยวิธีอะไร ? ได้แก่พระอัญญาโกณฑัญญะ พระวัปปะ พระภัททิยะ พระมหานามะ และพระอัสสชิ ฯ อุปสมบทด้วยวิธีเอหิภิกขุอุปสัมปทา ฯ |
๒. |
พระพุทธเจ้าทรงแสดงปฐมเทศนาแก่ใคร และบังเกิดผลเลิศอย่างไร ? แก่พระปัญจวัคคีย์ ฯ บังเกิดผลเลิศคือพระอัญญาโกณฑัญญะได้ดวงตาเห็นธรรมแล้วทูลขอบรรพชา ฯ |
๓. |
บุคคลผู้แสดงตนเป็นอุบาสกด้วยการถึงรัตนะ ๒ และรัตนะ ๓ เป็นคนแรกคือใคร ? ผู้ถึงรัตนะ ๒ คือ ตปุสสะและภัลลิกะ ฯ ผู้ถึงรัตนะ ๓ คือ บิดาพระยสะ ฯ |
๔. |
พระพุทธเจ้าทรงตัดสินพระทัยจะแสดงธรรมแก่ปัญจวัคคีย์ก่อนเพราะเหตุไร ? เพราะทรงระลึกถึงอุปการคุณของปัญจวัคคีย์ที่ได้ค่อยอุปัฏฐากพระองค์เมื่อครั้งทรงบำเพ็ญกรกิริยา ฯ |
๕. |
พระสาวกผู้บรรลุพระโสดาบัน และ พระอรหันต์ครั้งแรกคือใคร ? พระโสดาบัน คือ พระอัญญาโกณฑัญญะ ฯ พระอรหันตสาวก คือ พระปัญจวัคคีย์ ฯ |
๖. |
พระกระยาหารมื้อแรกของพระพุทธเจ้าหลังตรัสรู้คืออะไร ? ใครเป็นผู้ถวาย ? คือ ข้าวสัตตุผงข้าวสัตตุก้อน ฯ พ่อค้า ๒ คน ชื่อตปุสสะและภัลลิกะ ฯ |
๗. |
พระอรหันตสาวก ๕ รูปแรก คือใครบ้าง ? คือ ๑. พระโกณฑัญญะ ๒. พระวัปปะ ๓. พระภัททิยะ ๔. พระมหานามะ ๕. พระอัสสชิ ฯ |
๑. |
อนุปุพพีกถา ๕ ว่าด้วยเรื่องอะไร ? ทรงแสดงครั้งแรกแก่ใคร ? ว่าด้วยทาน ศีล สวรรค์ โทษของกาม และอานิสงส์แห่งการออกจากกาม ฯ ทรงแสดงครั้งแรกแก่ยสกุลบุตร ฯ |
๒. |
คำว่า “ที่นี่วุ่นวายหนอ ที่นี่ขัดข้องหนอ” เป็นคำอุทานของใคร ? ความวุ่นวายขัดข้องนั้นสงบลงได้อย่างไร ? ของยสกุลบุตร ฯ ได้โดยการฟังพระธรรมเทศนา อนุปุพพีกถาและอริยสัจ ๔ ที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงโปรด ฯ |
๓. |
ฆราวาสที่บรรลุพระอรหัตผลคนแรกคือใคร ? เพราะฟังธรรมอะไร ? คือ ยสกุลบุตร ฯ เพราะฟังอนุปุพพีกถา และ อริยสัจ ๔ ฯ |
๔. |
พระพุทธเจ้าทรงแสดงอาทิตตปริยายสูตรแก่ใคร ? ที่ไหน ? แก่ชฎิล ๓ พี่น้อง และบริวาร ๑,๐๐๐ คน ฯ แสดงที่ตำบลคยาสีสะ ใก้ลแม่น้ำคยา ฯ |
๑. |
พระสารีบุตร พระโมคคลัลานะได้ดวงตาเห็นธรรม เพราะฟังธรรมจากใคร ? พระสารีบุตรฟังธรรมจากพระอัสสชิ, พระโมคคัลลานะฟังธรรมจากพระสารีบุตร ฯ |
๒. |
พระอัครสาวกทั้ง ๒ องค์สำเร็จเป็นพระโสดาบัน เพราะฟังธรรมจากใคร ? พระสารีบุตร ฟังธรรมจากพระอัสสชิเถระ ฯ, พระโมคคัลลานะ ฟังธรรมจากพระสารีบุตร ฯ |
๓. |
คำว่า ดวงตาเห็นธรรม นั้นคือเห็นอย่างไร ? พระโมคคลัลานะและพระสารีบุตรได้ดวงตาเห็นธรรม เพราะฟังธรรมจากใคร ? คือเห็นว่า สิ่งใดสิ่งหนึ่งมีความเกิดขึ้นเป็นธรรมดา สิ่งนั้นทั้งมวลมีความดับเป็นธรรมดา ฯ พระโมคคัลลานะได้ดวงตาเห็นธรรม เพราะฟังธรรมจากพระสารีบุตร และ พระสารีบุตรได้ดวงตาเห็นธรรมเพราะฟังธรรมจากพระอัสสชิเถระ ฯ |
๑. |
พระพุทธเจ้าทรงเลือกแคว้นมคธเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธศาสนาเป็นแห่งแรกเพราะเหตุไร ? เพราะแคว้นมคธ เป็นแคว้นใหญ่มีอำนาจและบริบูรณ์ด้วยสมบัติมีประชาชนมาก มีเจ้าลัทธิมาก จึงทรงเลือก ฯ |
๒. |
จาตุรงคสันนิบาต คือการประชุมที่ประกอบด้วยองค์อะไรบ้าง ? ด้วยองค์ ๔ คือ ๑) พระสาวก ๑,๒๕๐ รูป ผู้เข้าประชุมนั้นล้วนเป็นพระอรหันต์ ๒) ทุกท่านล้วนได้รับเอหิภิกขุอุปสมัปทา ๓) ไม่ได้มีการนัดหมาย ต่างมาประชุมพร้อมกันเอง ๔) วันนั้นเป็นวันเพ็ญเดือนมาฆะ (เดือน ๓) และพระศาสดาประทานพระบรมพุทโธวาท ซึ่งเรียกว่า โอวาทปาฏิโมกข์ ฯ |
๑. |
ใครถวายบิณฑบาตแด่พระพุทธองค์ก่อนตรัสรู้และก่อนปรินิพพาน ? ก่อนตรัสรู้ คือนางสุชาดา ก่อนปรินิพพาน คือนายจุนทะ ฯ |
๒. |
สถานที่ถวายพระเพลิงพระพุทธสรีระ ชื่อว่าอะไร ? ต้ังอยู่ในเมืองอะไร ? ชื่อว่า มกุฏพนัธนเจดีย์ ฯ ตั้งอยู่ที่เมืองกุสินารา ฯ |
๓. |
พระพุทธเจ้าประสูติ ตรัสรู้ ปรินิพพาน ที่ใต้ต้นไม้อะไร ? ประสูติและปรินิพพาน ใต้ต้นสาละ ฯ ตรัสรู้ใต้ต้นโพธิ์ (อัสสตถพฤกษ์) ฯ |
๔. |
สังเวชนียสถาน ๔ ตำบลเป็นสถานที่ให้ระลึกถึงเหตุการณ์สำคัญอะไรบ้าง ? เหตุการณ์ที่พระพุทธองค์ ๑) ประสูติ ๒) ตรัสรู้ ๓) ทรงแสดงธัมมจกักัปปวตัตนสูตรเป็นครั้งแรก ๔) เสด็จปรินิพพาน ฯ |
๕. |
ปฐมสาวก และ ปัจฉิมสาวก คือใคร ? ปฐมสาวก คือ พระอัญญาโกณฑัญญะ ปัจฉิมสาวก คือ พระสุภัททะ ฯ |
๖. |
สถานที่ต่อไปนี้เกี่ยวข้องกับพระบรมศาสดาอย่างไร ? ๑. ลุมพินีวัน ๒. อิสิปตนมฤคทายวัน ๓. ลัฏฐิวัน ๔. เวฬุวัน ๕. สาลวัน ๑) ลุมพินีวัน เป็นสถานที่ประสูติ ๒) อิสิปตนมฤคทายวัน เป็นสถานที่ทรงแสดงปฐมเทศนาโปรดพระปัญจวัคคีย์ ๓) ลัฏฐิวัน เป็นสถานที่ทรงแสดงธรรมเทศนาโปรดพระเจ้าพิมพิสารและบริวารจนสำเร็จเป็นพระโสดาบัน ๔) เวฬุวัน เป็นสถานที่ทรงแสดงโอวาทปาติโมกข์ ๕) สาลวัน เป็นสถานที่ทรงแสดงมรรคมีองค์ ๘ แก่สุภัททปริพาชก และเป็นสถานที่เสด็จดับขันธปรินิพพาน ฯ |
๗. |
ถูปารหบุคคล คือบุคคลเช่นไร ? ได้แก่ใครบ้าง ? ถูปารหบุคคล คือ บุคคลที่ควรแก่การบรรจุอัฐิธาตุไว้ในนสถูปเพื่อเป็นที่กราบไหว้สักการบูชา ฯ ได้แก่ ๑) พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ๒) พระปัจเจกพุทธเจ้า ๓) พระอรหันตสาวก ๔) พระเจ้าจักรพรรดิราช ฯ |
๘. |
สังเวชนียสถาน ๔ ได้แก่ที่ใดบ้าง ? สังเวชนียสถาน ๔ ได้แก่ ๑) สถานที่ประสูติ ๒) สถานที่ตรัสรู้ ๓) สถานที่แสดงปฐมเทศนา ๔) สถานที่ปรินิพพาน ฯ |
๙. |
พระพุทธเจ้าทรงสรรเสริญปฏิบัติบูชายิ่งกว่าอามิสบูชา เพราะเหตุไร ? เพราะเมื่อพุทธบริษัทปฏิบตัิธรรมได้สมควรแก่ธรรมแล้ว ก็จะเป็นปัจจัยให้ตรัสรู้ธรรมได้ ทั้งเป็นจุดมุ่งหมายสูงสุดในพระพุทธศาสนา และเป็นพระพุทธประสงค์หลักในการเผยแผ่พระพุทธศาสนา อีกทั้งการปฏิบัตินี้จะทำให้ศาสนาตั้งอยู่ได้ยืนนาน ฯ |