เก็งข้อสอบนักธรรมชั้นเอก วิชาวินัยบัญญัติ ปี 2567

เก็งข้อสอบนักธรรมชั้นเอก วิชาวินัยบัญญัติ ปี 2567,เก็งข้อสอบวิชาวินัยบัญญัติ นักธรรมชั้นเอก ปี 2567



⏏︎ ดาวน์โหลดเก็งข้อสอบ


  ติวเข้มเตรียมสอบธรรมสนามหลวง
  นักธรรมชั้นเอก วิชาวินัยบัญญัติ
  ประจำปี พ.ศ. ๒๕๖๗
  มีทั้งหมด ๓๑ ข้อ ดังนี้ครับ

๑. มูลเหตุที่ทําให้เกิดสังฆกรรมมีกี่อย่าง ?  อะไรบ้าง ?
ต/ มูลเหตุที่ทำให้เกิดสังฆกรรมมี ๒ อย่าง ฯ คือ
๑. มีภิกษุบริษัทเพิ่มจํานวนมากขึ้น
๒. มีพระพุทธประสงค์เพื่อให้สงฆ์เป็นใหญ่ในการบริหาร หมู่คณะ ฯ

๒. ภิกษุผู้ปรารถนาความตั้งอยู่ยั่งยืนของพระธรรมวินัย ควรปฏิบัติตนอย่างไร ?
ต/ ควรตั้งอยู่ใน สีลสามัญญตา ทิฏฐิสามัญญตา และลัชชีธรรม สำรวมในพระปาติโมกข์ ประกอบด้วยอาจาระและโคจร เห็นภัยในโทษแม้เพียงเล็กน้อย สำเหนียกศึกษาในสิกขาบททั้งหลาย ฯ

๓. ญัตติและอนุสาวนา หมายถึงอะไร ?  ญัตติมีใช้ในสังฆกรรมอะไรบ้าง ?
ต/ ญัตติ หมายถึง คำเผดียงสงฆ์
อนุสาวนา หมายถึง การสวดประกาศคำปรึกษาและข้อตกลงของสงฆ์ ฯ
ญัตติมีใช้ใน ๓ สังฆกรรม คือ
๑) ญัตติกรรม
๒) ญัตติทุติยกรรม
๓) ญัตติจตุตถกรรม ฯ

๔. สีมา คืออะไร ?  มีความสำคัญอย่างไร ?
ต/ สีมา คือ เขตประชุมของสงฆ์ผู้ทำสังฆกรรม ฯ
มีความสำคัญ คือ พระศาสดาทรงพระอนุญาตให้สงฆ์สามัคคีกันทำสังฆกรรมภายในสีมา ถ้าไม่มีสีมาก็ไม่มีเขตประชุม ฯ

๕. สีมามีกี่ประเภท ?  อะไรบ้าง ?
ต/ สีมา มี ๒ ประเภท ฯ คือ
๑. พัทธสีมา คือ แดนที่ผูก หมายถึงเขตอันสงฆ์กําหนดเอาเอง
๒. อพัทธสีมา คือ แดนที่ไม่ได้ผูก หมายถึงเขตอันเขากําหนดไว้โดยปกติของบ้านเมือง หรือเขตที่มีสัญญัติอย่างอื่นเป็นเครื่องกําหนด ฯ

๖. สังฆกรรม ๔ นั้น อย่างไหนต้องทําในสีมา อย่างไหนทํานอกสีมาได้ ?
ต/ ญัตติกรรม ญัตติทุติยกรรม และญัตติจตุตถกรรม ต้องทําในสีมาเท่านั้น
อปโลกนกรรม ทํานอกสีมาได้ ฯ

๗. สีมาสังกระ คืออะไร ?  สงฆ์จะทำสังฆกรรมในสีมาเช่นนั้นได้หรือไม่อย่างไร ?
ต/ สีมาสังกระ คือ สีมาที่สมมติคาบเกี่ยวกันระหว่างสีมาที่สมมติไว้เดิมและสีมาที่สมมติขึ้นใหม่ ฯ
สงฆ์ทำสังฆกรรมในสีมาที่สมมติไว้เดิมได้ แต่ทำในสีมาที่สมมติขึ้นใหม่ไม่ได้ ฯ

๘. ภิกษุผู้ควรได้รับสมมติให้เป็นภัตตุทเทสกะ ต้องประกอบด้วยคุณสมบัติเช่นไร ?
ต/ ต้องประกอบด้วยคุณสมบัติดังนี้ คือ
๑. เว้นอคติ ๔ คือ ฉันทาคติ โทสาคติ โมหาคติ ภยาคติ
๒. รู้จักภัตรที่ควรแจกหรือมิควรแจก
๓. รู้จักลำดับที่พึงแจก ฯ

๙. เจ้าอธิการที่สงฆ์สมมติให้เป็นเจ้าหน้าที่ทำการสงฆ์ ในพระวินัยมี ๕ แผนก อะไรบ้าง ?
ต/ มีดังนี้
๑) เจ้าอธิการแห่งจีวร
๒) เจ้าอธิการแห่งอาหาร
๓) เจ้าอธิการแห่งเสนาสนะ
๔) เจ้าอธิการแห่งอาราม
๕) เจ้าอธิการแห่งคลัง ฯ

๑๐. กฐิน มีชื่อมาจากอะไร ?  ผ้าที่เป็นกฐินได้มีอะไรบ้าง ?
ต/ กฐิน มีชื่อมาจากไม้สะดึงที่ลาดหรือกางออกสำหรับขึงจีวรเพื่อเย็บ ฯ
ผ้าที่เป็นกฐินได้มี
๑. ผ้าใหม่
๒. ผ้าเทียมใหม่คือผ้าฟอกสะอาดแล้ว
๓. ผ้าเก่า
๔. ผ้าบังสุกุล
๕. ผ้าที่ตกตามร้านตลาดซึ่งเขานำมาถวายสงฆ์ ฯ

๑๑. ผ้าที่ไม่ทรงอนุญาตให้ใช้เป็นผ้ากฐิน ได้แก่ผ้าเช่นไรบ้าง ?
ต/ ผ้าที่ไม่ทรงอนุญาตให้ใช้เป็นผ้ากฐิน คือ
๑. ผ้าที่ไม่ได้เป็นสิทธิ์ เช่น ผ้าที่ขอยืมเขามา
๒. ผ้าที่ได้มาโดยอาการอันมิชอบ คือ ทำนิมิตได้มา พูดเลียบเคียงได้มา และผ้าเป็นนิสสัคคีย์
๓. ผ้าที่ได้มาโดยบริสุทธิ์ แต่เก็บค้างคืนไว้ ฯ

๑๒. กรานกฐิน ได้แก่การทําอย่างไร ?
ต/ กรานกฐิน ได้แก่ เมื่อมีผ้าเกิดขึ้นแก่สงฆ์ในเดือนท้ายฤดูฝน พอจะทําเป็นไตรจีวรผืนใดผืนหนึ่งได้ สงฆ์พร้อมใจกันยกให้แก่ภิกษุรูปหนึ่งผู้เหมาะสม ภิกษุผู้ได้รับผ้านั้น นําไปทําเป็นจีวรผืนใดผืนหนึ่ง ให้แล้วเสร็จในวันนั้น แล้วมาบอกแก่ภิกษุผู้ยกผ้านั้นให้ เพื่ออนุโมทนา ภิกษุเหล่านั้น อนุโมทนา ทั้งหมดนี้ คือ กรานกฐิน ฯ

๑๓. ภิกษุผู้กรานกฐินแล้ว ย่อมได้อานิสงส์อะไรบ้าง ?
ต/ ๑. เที่ยวไปไม่ต้องบอกลาตามสิกขาบทที่ ๖ แห่งอเจลกวรรคในปาจิตติยกัณฑ์
๒. เที่ยวจาริกไปไม่ต้องถือเอาไตรจีวรไปครบสํารับ
๓. ฉันคณโภชน์ ปรัมปรโภชน์ได้
๔. เก็บอติเรกจีวรไว้ได้ตามปรารถนา
๕. จีวรอันเกิดขึ้นในที่นั้นเป็นของภิกษุผู้กรานกฐินแล้ว และได้โอกาสขยายเขตจีวรกาล ให้ยาวออกไปตลอด ๔ เดือนฤดูเหมันต์ด้วย ฯ

๑๔. บรรพชาและอุปสมบท สําเร็จด้วยวิธีอะไร ?
ต/ บรรพชาสําเร็จด้วยวิธีให้บรรพชาเปกขะรับไตรสรณคมน์
อุปสมบทสําเร็จด้วยการสวดญัตติจตุตถกรรมวาจา ฯ

๑๕. ผู้จะเข้ามาอุปสมบทเป็นภิกษุในพระพุทธศาสนาต้องประกอบด้วยคุณสมบัติอะไรบ้าง ?
ต/ ประกอบด้วยคุณสมบัติ ๕ ประการ คือ
๑. เป็นชาย
๒. มีอายุครบ ๒๐ ปี
๓. ไม่เป็นมนุษย์วิบัติ เช่น ถูกตอน หรือเป็นกะเทย เป็นต้น
๔. ไม่เคยทำอนันตริยกรรม
๕. ไม่เคยต้องปาราชิก หรือไม่เคยเข้ารีตเดียรถีย์ทั้งที่เป็นภิกษุ ฯ

๑๖. สงฆ์ผู้จะให้การอุปสมบทแก่กุลบุตร ในพระวินัยมีกําหนดจํานวนภิกษุไว้อย่างไร ? ถ้าไม่ครบตามจํานวนนั้น จัดเป็นวิบัติอะไร ?
ต/ มีกําหนดอย่างนี้ คือ
ในมัธยมชนบท ๑๐ รูปเป็นอย่างต่ำ
ในปัจจันตชนบท ๕ รูป เป็นอย่างต่ำ ฯ
ถ้าไม่ครบตามจำนวนจัดเป็น ปริสวิบัติ ฯ

๑๗. การบอกนิสสัย ๔ และอกรณียะ ๔ บอกในเวลาใด ?  และใครเป็นผู้บอก ?
ต/ ท่านให้บอกในลำดับแห่งอุปสมบทแล้ว ห้ามไม่ให้บอกก่อนหน้าอุปสมบท ฯ
อุปัชฌายะบอกก็ได้ กรรมวาจาจารย์หรืออนุสาวนาจารย์บอกก็ได้ ฯ

๑๘. วิวาทาธิกรณ์ คืออะไร ?  ระงับได้ด้วยอธิกรณสมถะข้อใดบ้าง ?
ต/ วิวาทาธิกรณ์ คือ การเถียงกันปรารภพระธรรมวินัย ฯ
ระงับได้ด้วย สัมมุขาวินัย และเยภุยยสิกา ฯ

๑๙. อนุวาทาธิกรณ์คืออะไร ?  หากไม่รีบระงับจะเกิดผลเสียอย่างไร ?
ต/ อนุวาทาธิกรณ์ คือ การโจทกันด้วยอาบัตินั้น ๆ ฯ
หากไม่รีบระงับจะทําให้เสียสีลสามัญญตาและเสียสามัคคี เป็นทางแตกเป็นนานาสังวาส ฯ

๒๐. อนุวาทาธิกรณ์เช่นไร อันภิกษุจะพึงยกขึ้นพิจารณาตัดสินได้ ?
ต/ ต้องเป็นเรื่องมีมูล คือ เรื่องที่ได้เห็นเอง ๑
เรื่องที่ได้ยินเอง หรือมีผู้บอก และเชื่อว่าเป็นจริง ๑
เรื่องที่เว้นจาก ๒ สถานนั้น แต่รังเกียจโดยอาการ ๑ ฯ

๒๑. สัมมุขาวินัยมีองค์เท่าไร ?  อะไรบ้าง ?
ต/ สัมมุขาวินัย มีองค์ ๔ ฯ คือ
๑) ในที่พร้อมหน้าสงฆ์
๒) ในที่พร้อมหน้าธรรม
๓) ในที่พร้อมหน้าวินัย
๔) ในที่พร้อมหน้าบุคคล ฯ

๒๒. พระอรรถกถาจารย์แสดงลักษณะปกปิดอาบัติสังฆาทิเสสไว้เป็น ๕ คู่ อย่างไรบ้าง ?
ต/ ท่านแสดงไว้ ๕ คู่ ดังนี้
๑. เป็นอาบัติ และรู้ว่าเป็นอาบัติ
๒. เป็นปกตัตตะ และรู้ว่าเป็นปกตัตตะ
๓. ไม่มีอันตราย และรู้ว่าไม่มีอันตราย
๔. อาจอยู่ และรู้ว่าอาจอยู่
๕. ใคร่จะปิด และปิดไว้ ฯ

๒๓. อุกเขปนียกรรม และ นิยสกรรม สงฆ์พึงลงแก่ภิกษุประพฤติผิดธรรมวินัยอย่างไร ?
ต/ ประพฤติผิดอย่างนี้ คือ
อุกเขปนียกรรม พึงลงแก่ภิกษุผู้ ไม่เห็นอาบัติ ไม่ทำคืนอาบัติหรือไม่สละทิฏฐิบาป
นิยสกรรม พึงลงแก่ภิกษุผู้ มีอาบัติมาก หรือคลุกคลีกับคฤหัสถ์ด้วยการคลุกคลีอันไม่ควร ฯ

๒๔. กิจจาธิกรณ์ และนิคคหะ คืออะไร ?
ต/ กิจจาธิกรณ์ คือ กิจอันจะพึงทําด้วยประชุมสงฆ์
นิคคหะ คือ การข่ม เป็นกิจอย่างหนึ่งแห่งผู้ปกครองหมู่ ฯ

๒๕. ในทางพระวินัย การคว่ำบาตร หมายถึงอะไร ?  และจะหงายบาตรได้เมื่อไร ?
ต/ การคว่ำบาตร หมายถึง การไม่ให้คบหาสมาคมด้วยลักษณะ ๓ ประการ คือ
๑. ไม่รับบิณฑบาตของเขา
๒. ไม่รับนิมนต์ของเขา
๓. ไม่รับไทยธรรมของเขา ฯ
เมื่อผู้ถูกคว่ำบาตรนั้นเลิกกล่าวติเตียนพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เป็นต้นนั้นแล้ว กลับประพฤติดี พึงหงายบาตรแก่เขาได้ ฯ

๒๖. ลิงคนาสนา คืออะไร ?  บุคคลที่ทรงพระอนุญาตให้ทำลิงคนาสนามีกี่ประเภท ?  ใครบ้าง ?
ต/ ลิงคนาสนา คือ การให้ฉิบหายเสียจากเพศ ฯ
มี ๓ ประเภท ฯ คือ
๑) ภิกษุต้องอันติมวัตถุแล้ว ยังปฏิญญาตนเป็นภิกษุ
๒) บุคคลผู้อุปสมบทไม่ขึ้น ได้รับอุปสมบทแต่สงฆ์
๓) สามเณรผู้ประกอบด้วยองค์ ๑๐ มีเป็นผู้มักผลาญชีวิต เป็นต้นฯ

๒๗. พระราชบัญญัติคณะสงฆ์ คืออะไร ?
ต/ พระราชบัญญัติคณะสงฆ์ คือ กฎหมายฉบับหนึ่งว่าด้วยคณะสงฆ์มีศักดิ์รองลงมาจากรัฐธรรมนูญ ฯ

๒๘. เจ้าอาวาส ตามกฎมหาเถรสมาคม ฉบับที่ ๒๔ ใครเป็นผู้แต่งตั้ง ?
ต/ สมเด็จพระสังฆราช ทรงแต่งตั้งเจ้าอาวาสพระอารามหลวง
เจ้าคณะจังหวัด แต่งตั้งเจ้าอาวาสวัดราษฎร์ ฯ

๒๙. พระราชบัญญัติคณะสงฆ์มาตรา ๓๗ ระบุหน้าที่เจ้าอาวาส ไว้กี่อย่าง ?  อะไรบ้าง ?
ต/ ระบุไว้ ๔ อย่าง ฯ คือ
๑. บํารุงรักษาวัด จัดกิจการ และศาสนสมบัติของวัดให้เป็นไปด้วยดี
๒. ปกครองและสอดส่องให้บรรพชิต และคฤหัสถ์ที่มีที่อยู่หรือพํานักอาศัยอยู่ในวัดนั้นปฏิบัติตามพระธรรมวินัย กฎมหาเถรสมาคม ข้อบังคับ ระเบียบ หรือ คําสั่งของมหาเถรสมาคม
๓. เป็นธุระในการศึกษาอบรมและสั่งสอนพระธรรมวินัยแก่บรรพชิต และคฤหัสถ์
๔. ให้ความสะดวกตามสมควรในการบําเพ็ญกุศล ฯ

๓๐. ที่วัด ที่ธรณีสงฆ์ และที่ศาสนสมบัติกลาง ได้แก่สถานที่เช่นไร ?
ต/ ที่วัด ได้แก่ ที่ตั้งวัดตลอดจนเขตของวัดนั้น
ที่ธรณีสงฆ์ ได้แก่ ที่ซึ่งเป็นสมบัติของวัด
ที่ศาสนสมบัติกลาง ได้แก่ ที่ซึ่งเป็นทรัพย์สินของพระศาสนาอันมิใช่ของวัดใดวัดหนึ่ง ฯ

๓๑. กรรมการมหาเถรสมาคมซึ่งสมเด็จพระสังฆราชทรงแต่งตั้งพ้นจากตำแหน่งเมื่อใด ?
ต/ พ้นจากตำแหน่งเมื่อ
๑. มรณภาพ
๒. พ้นจากความเป็นพระภิกษุ
๓. ลาออก
๔. สมเด็จพระสังฆราชมีพระบัญชาให้ออก
๕. อยู่ครบวาระ ๒ ปี ฯ

⏏︎ ดาวน์โหลดเก็งข้อสอบ