เก็งข้อสอบนักธรรมชั้นโท วิชาวินัยบัญญัติ ปี 2567

เก็งข้อสอบนักธรรมชั้นโท วิชาวินัยบัญญัติ ปี 2567, เก็งข้อสอบวิชาวินัยบัญญัติ นักธรรมชั้นโท ปี 2567



⏏︎ ดาวน์โหลดเก็งข้อสอบ


  ติวเข้มเตรียมสอบธรรมสนามหลวง
  นักธรรมชั้นโท วิชาวินัยบัญญัติ
  ประจำปี พ.ศ. ๒๕๖๗
  มีทั้งหมด ๓๐ ข้อดังนี้ครับ

๑. สิกขาบทนอกพระปาฏิโมกข์เรียกว่าอะไร ?  ทรงบัญญัติไว้เพื่อประโยชน์อะไร ?
ต/ เรียกว่า อภิสมาจาร ฯ
ทรงบัญญัติไว้เพื่อความเป็นระเบียบเรียบร้อยของภิกษุและเพื่อความงามของพระศาสนา ฯ

๒. ภิกษุผู้ปฏิบัติพระวินัยส่วนอภิสมาจารให้ดีงาม จะต้องปฏิบัติอย่างไร ?
ต/ ต้องปฏิบัติโดยสายกลาง คือ ไม่ถือเคร่งครัดอย่างงมงาย จนเป็นเหตุทำตนให้ลำบาก เพราะเหตุธรรมเนียมเล็กๆ น้อยๆ อันขัดต่อกาลเทศะ และไม่สะเพร่ามักง่าย ละเลยต่อธรรมเนียมของภิกษุ จนถึงทำตนให้เป็นคนเลวทราม ฯ

๓. เปลือยกายอย่างไรต้องอาบัติถุลลัจจัย ?  อย่างไรต้องอาบัติทุกกฎ ?
ต/ เปลือยกายเป็นวัตรเอาอย่างเดียรถีย์ ต้องอาบัติถุลลัจจัย ฯ
เปลือยกายทํากิจแก่กัน เช่น ไหว้ รับไหว้ ทําบริกรรม ให้ของ รับของและเปลือยกายในเวลาฉัน ในเวลาดื่ม ต้องอาบัติทุกกฏ ฯ

๔. ข้อว่า “อย่าพึงนุ่งห่มผ้าอย่างคฤหัสถ์” นั้นมีอธิบายอย่างไร ?
ต/ มีอธิบายว่า ห้ามนุ่งห่มเครื่องนุ่งห่มของคฤหัสถ์ เช่น กางเกง เสื้อ ผ้าโพก หมวก ผ้านุ่ง ผ้าห่มสีต่าง ๆ ชนิดต่าง ๆ และห้ามอาการนุ่งห่มต่าง ๆ ที่ไม่ใช่ของภิกษุ ฯ

๕. การผัดหน้า ไล้หน้า ทาหน้า ทรงห้ามและทรงอนุญาตไว้ในกรณีใด ?
ต/ การผัดหน้า ไล้หน้า ทาหน้า ทรงห้ามเฉพาะเพื่อทำให้สวย
ทรงอนุญาตในกรณีอาพาธ ฯ

๖. บาตรที่ทรงอนุญาต มีกี่ชนิด ?  อะไรบ้าง ?  บาตรสแตนเลสจัดเข้าในชนิดไหน ?
ต/ บาตรที่ทรงอนุญาต มี ๒ ชนิด ฯ คือ
๑. บาตรดินเผา
๒. บาตรเหล็ก ฯ
บาตรแสตนเลสจัดเข้าในบาตรเหล็ก ฯ

๗. ผ้าสำหรับทำจีวรนุ่งห่มนั้น ทรงอนุญาตไว้กี่ชนิด ?  อะไรบ้าง
ต/ ทรงอนุญาตไว้ ๖ ชนิด ฯ คือ
๑) โขมะ ผ้าทำด้วยเปลือกไม้
๒) กัปปาสิกะ ผ้าทำด้วยฝ้าย
๓) โกเสยยะ ผ้าทำด้วยใยไหม
๔) กัมพละ ผ้าทำด้วยขนสัตว์ ยกเว้นผมและขนมนุษย์
๕) สาณะ ผ้าทำด้วยเปลือกป่าน
๖) ภังคะ ผ้าทำด้วยของ ๕ อย่างนั้น แต่อย่างใดอย่างหนึ่งปนกัน ฯ

๘. บริขาร ๘ อย่างไหนจัดเป็นบริขารบริโภค อย่างไหนจัดเป็นบริขารอุปโภค ?
ต/ ไตรจีวร บาตร ประคตเอว รวม ๕ อย่าง จัดเป็นบริขารบริโภค ฯ
เข็ม มีดโกน และผ้ากรอกน้ํา จัดเป็นบริขารอุปโภค ฯ

๙. คําว่า ถือนิสัย ในพระวินัย หมายความว่าอะไร ?
ต/ คำว่า ถือนิสัย หมายความว่า ยอมตนอยู่ในความปกครองของพระเถระผู้มีคุณสมบัติสามารถปกครองตนได้ให้ท่านปกครอง พึ่งพิงพํานักอาศัยท่าน ฯ

๑๐. ภิกษุเช่นไรควรได้นิสัยมุตตกะ ?
ต/ ภิกษุผู้ควรได้นิสัยมุตตกะ คือ
๑. เป็นผู้มีศรัทธา หิริ โอตตัปปะ วิริยะ สติ
๒. เป็นผู้ถึงพร้อมด้วยศีล อาจาระ ความเห็นชอบ เคยได้ยินได้ฟังมามาก มีปัญญา
๓. รู้จักอาบัติ มิใช่อาบัติ อาบัติเบา อาบัติหนัก จําพระปาฏิโมกข์ได้แม่นยําทั้งมีพรรษาพ้น ๕ ฯ

๑๑. ภิกษุเช่นไร ชื่อว่า นวกะ มัชฌิมะ เถระ ?
ต/ นวกะ คือ ภิกษุมีพรรษาไม่ถึง ๕
มัชฌิมะ คือ ภิกษุมีพรรษาตั้งแต่ ๕ ขึ้นไป แต่ยังไม่ถึง ๑๐ ต้องประกอบด้วยคุณธรรมตามพระวินัย
เถระ คือ ภิกษุมีพรรษาตั้งแต่ ๑๐ ขึ้นไป ต้องประกอบ ด้วยคุณธรรมตามพระธรรมวินัย ฯ

๑๒. วัตรคืออะไร ?  อุปัชฌายวัตรและสัทธิวิหาริกวัตร ใครพึงทำแก่ใคร ?
ต/ วัตร คือ แบบอย่างอันดีงามที่ภิกษุควรประพฤติในกาลนั้นๆ ฯ
อุปัชฌายวัตร สัทธิวิหาริกพึงทําแก่อุปัชฌาย์
สัทธิวิหาริกวัตร อุปัชฌาย์พึงทําแก่สัทธิวิหาริก ฯ

๑๓. ภิกษุผู้ได้ชื่อว่า วตฺตสมฺปนฺโน ผู้ถึงพร้อมด้วยวัตร วัตรมีอะไรบ้าง ?
ต/ วัตร มี ๓ ประการ คือ
๑) กิจวัตร ว่าด้วยกิจอันควรทำ
๒) จริยาวัตร ว่าด้วยมารยาทอันควรประพฤติ
๓) วิธีวัตร ว่าด้วยแบบอย่าง ฯ

๑๔. ภิกษุผู้อาพาธควรปฏิบัติตนอย่างไร จึงไม่เป็นภาระแก่ผู้พยาบาล ?
ต/ ควรปฏิบัติตนให้เป็นผู้พยาบาลง่าย คือ ทำความสบายให้แก่ตน (ไม่ฉันของแสลง) รู้จักประมาณในการบริโภค ฉันยาง่าย บอกอาการไข้ตามเป็นจริงแก่ผู้พยาบาล เป็นผู้อดทนต่อทุกขเวทนา ฯ

๑๕. คารวะ คืออะไร ?  การลุกขึ้นยืนรับเป็นกิจที่ผู้น้อยพึงทำแก่ผู้ใหญ่แต่ควรเว้นในเวลาเช่นใดบ้าง ?
ต/ คารวะ คือ กิริยาที่แสดงอาการอ่อนน้อมโดยสมควรแก่ กาล สถานที่ กิจ และบุคคล ฯ
ควรเว้นในเวลานั่งอยู่ในสำนักของผู้ใหญ่ ไม่ลุกรับผู้น้อยกว่าท่าน ในเวลานั่ง เข้าแถวในบ้าน ในเวลาเข้าประชุมสงฆ์ในอาราม ฯ

๑๖. ภิกษุอยู่ในกุฎิเดียวกันกับภิกษุผู้มีพรรษามากกว่า ควรปฏิบัติตนอย่างไร จึงชื่อว่าแสดงความเคารพท่านตามพระวินัย ?
ต/ ควรปฏิบัติตนอย่างนี้ คือ
จะทําสิ่งใดๆ ควรขออนุญาตท่านก่อน เช่น จะสอนธรรม จะอธิบายความ จะสาธยาย จะแสดงธรรม จะเปิดหรือปิดไฟ จะเปิดหรือปิดหน้าต่าง มิให้ทําตามอําเภอใจ ฯ

๑๗. สัตตาหกรณียะคืออะไร ?  มีวิธีปฏิบัติอย่างไร ?
ต/ สัตตาหกรณียะ คือการหลีกไปในระหว่างอยู่จําพรรษาด้วยกิจธุระอันสมควรและกลับมาภายใน ๗ วัน ฯ
มีวิธีปฏิบัติ คือ ให้ผูกใจว่าจะกลับมาภายใน ๗ วัน ฯ

๑๘. ธุระเป็นเหตุไปด้วยสัตตาหกรณียะที่ท่านกล่าวไว้ในบาลีมีกี่อย่าง ?  อะไรบ้าง ?
ต/ มี ๔ อย่าง ฯ คือ
๑. สหธรรมิกหรือมารดาบิดาเจ็บไข้ รู้เข้าแล้วไปเพื่อพยาบาล
๒. สหธรรมิกกระสันจะสึก รู้เข้าแล้วไปเพื่อระงับ
๓. มีกิจสงฆ์เกิดขึ้น เช่น วิหารชำรุด ไปเพื่อหาเครื่องทัพพสัมภาระมาซ่อมแซม
๔. ทายกต้องการจะทำบุญ ส่งคนมานิมนต์ ไปเพื่อบำรุงศรัทธา แม้กิจอื่นที่อนุโลมตามนี้ ท่านก็อนุญาต ฯ

๑๙. ดิถีที่กำหนดให้เข้าจำพรรษาในบาลีกล่าวไว้เท่าไร ?  อะไรบ้าง ?
ต/ กล่าวไว้ ๒ ฯ คือ
๑. ปุริมิกาวัสสูปนายิกา วันเข้าพรรษาต้น คือวันแรม ๑ ค่ำ เดือน ๘
๒. ปัจฉิมิกาวัสสูปนายิกา วันเข้าพรรษาหลัง คือ วันแรม ๑ ค่ํา เดือน ๙ ฯ

๒๐. กําลังสวดพระปาฏิโมกข์อยู่ หากมีภิกษุอื่นเข้ามา จะปฏิบัติอย่างไร ?
ต/ ปฏิบัติอย่างนี้ คือ
ถ้าภิกษุผู้เข้ามาใหม่มากกว่าภิกษุผู้ชุมนุมต้องสวดตั้งต้นใหม่ ถ้าเท่ากันหรือน้อยกว่า ส่วนที่สวดไปแล้วก็ให้เป็นอันสวดแล้ว ให้เธอผู้มาใหม่ฟังส่วนที่ยังเหลือต่อไป ฯ

๒๑. อุปปถกิริยา คืออะไร ?  มีกี่อย่าง ?  อะไรบ้าง
ต/ อุปปถกิริยา คือ การทำนอกรีตนอกรอยของสมณะ ฯ
มี ๓ อย่าง ฯ ได้แก่
๑) อนาจาร ได้แก่ ความประพฤติไม่ดีไม่งาม
๒) ปาปสมาจาร ได้แก่ ความประพฤติเลวทราม
๓) อเนสนา ได้แก่ ความหาเลี้ยงชีพไม่สมควร ฯ

๒๒. ภิกษุได้ชื่อว่า “กุลปสาทโก ผู้ยังตระกูลให้เลื่อมใส” เพราะมีปฏิปทาอย่างไร ?
ต/ เพราะมีปฏิปทาอย่างนี้ คือ เป็นผู้ถึงพร้อมด้วยอาจาระ ไม่ทอดตนเป็นคนสนิทของสกุลโดยฐานเป็นคนเลว และอีกอย่างหนึ่ง ไม่รุกรานตัดรอนเขา แสดงเมตตาจิตต่อเขา ประพฤติพอดีพองาม ยังความเลื่อมใสนับถือของเขาให้เกิดในตน ฯ

๒๓. ภิกษุได้ชื่อว่า “กุลทูสโก ผู้ประทุษร้ายสกุล” เพราะประพฤติอย่างไร ?
ต/ เพราะประพฤติให้เขาเสียศรัทธาเลื่อมใส คือ เป็นผู้ประจบเขาด้วยกิริยาทำตนอย่างคฤหัสถ์ ยอมตนให้เขาใช้สอย หรือด้วยอาการเอาเปรียบโดยเชิงให้สิ่งของเล็กน้อย ด้วยหวังได้มาก ฯ

๒๔. ภิกษุฉันเนื้องู เนื้อมนุษย์ ต้องอาบัติอะไร ?
ต/ ฉันเนื้องู ต้องอาบัติทุกกฎ ฯ
ฉันเนื้อมนุษย์ ต้องอาบัติถุลลัจจัย ฯ

๒๕. สภาคาบัติ คืออาบัติเช่นไร จงอธิบาย ?
ต/ สภาคาบัติ คือ อาบัติที่ภิกษุต้องเหมือนกันเพราะล่วงละเมิดสิกขาบทเดียวกัน ห้ามไม่ให้แสดง ห้ามไม่ให้รับ ให้แสดงในสำนักของภิกษุอื่น ฯ

๒๖. จีวรที่วิกัปไว้ เมื่อจะนำมาใช้ต้องทำอย่างไร ?  ถ้าไม่ทำเช่นนั้นต้องอาบัติอะไร ?
ต/ จีวรที่วิกัปไว้ เมื่อจะนำมาใช้ต้องขอให้ผู้รับถอนก่อน ฯ
ถ้าไม่ทำเช่นนั้นต้อง อาบัติปาจิตตีย์ ฯ

๒๗. สมบัติของภิกษุในทางพระวินัยมีเท่าไร ?  อะไรบ้าง ?
ต/ สมบัติของภิกษุในทางพระวินัยมี ๔ ฯ คือ
๑. สีลสมบัติ
๒. อาจารสมบัติ
๓. ทิฏฐิสมบัติ
๔. อาชีวสมบัติ ฯ

๒๘. มหาปเทสแปลว่าอะไร ?  ทรงประทานไว้เพื่อประโยชน์อะไร ?
ต/ มหาปเทส แปลว่า ข้อสําหรับอ้างใหญ่ ฯ
เพื่อเป็นหลักแห่งการวินิจฉัยทั้งในทางธรรมทั้งในทางวินัย ฯ

๒๙. อนาจารหมายถึงอะไร ?  เล่นอย่างไรบ้าง จัดเป็นอนาจาร ?
ต/ อนาจาร หมายถึง ความประพฤติไม่ดีงาม และการเล่นมีประการต่างๆ ฯ
เล่นอย่างเด็ก เล่นคะนอง เล่นพนัน เล่นปู้ยี่ปู้ยํา เล่นอึงคะนึง จัดเป็นอนาจาร ฯ

๓๐. ภิกษุผู้ได้ชื่อว่า ประดับพระศาสนาให้รุ่งเรือง เพราะประพฤติปฏิบัติเช่นไร ?  จงชี้แจง
ต/ เพราะมีความประพฤติปฏิบัติ สุภาพเรียบร้อย สมบูรณ์ด้วยอภิสมาจาริกวัตร เว้นจากบุคคล และสถานที่ไม่ควรไป คือ อโคจร เป็นผู้ได้ชื่อว่า อาจารโคจรสัมปันโน ผู้ถึงพร้อมด้วยมรรยาทและโคจร อันเป็นคู่กับคุณบทว่า สีลสัมปันโน ผู้ถึงพร้อมด้วยศีล ฯ

⏏︎ ดาวน์โหลดเก็งข้อสอบ